Oral Care Topic
วิธีดับกลิ่นปาก

วิธีดับกลิ่นปาก

  1. แปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดกลิ่นปากได้ แต่ต้องแปรงให้ถูกวิธี แล้วอย่าลืมแปรงตามซอกเหงือกและกระพุ้งแก้มด้วย (การแปรงฟันไม่ถูกวิธีก็นำมาซึ่งกลิ่นปากแบบไม่น่าเชื่อได้นะเออ)
  2. ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยขจัดเศษอาหารและกำจัดเชื้อโรคออกให้หมด
  3. ทำความสะอาดลิ้น โดยธรรมชาติแล้วลิ้นของเราผิวจะขรุขระ ไม่เรียบ จึงเป็นที่กักของเศษอาหารต่าง ๆ จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียที่มีผลต่อกลิ่นปากมักอยู่ตามโคนลิ้นมากกว่าที่เหงือกและฟัน ดังนั้นการทำความสะอาดลิ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลสุขภาพช่องปากและลดกลิ่นปาก วิธีการทำความสะอาดลิ้นทำได้ง่าย ๆ โดยใช้แปรงสีฟันแปรงลิ้นให้ลึกถึงโคนลิ้นในขณะแปรงฟัน หรือใช้ไม้ขูดลิ้นขูดฝ้าบนลิ้นออก โดยขูดจากโคนลิ้นมาด้านหน้า ทำประมาณ 3-4 ครั้ง ก็จะเห็นคราบอาหารติดออกมา โดยควรทำวันละ 2 ครั้งต่อวัน ตอนตื่นนอนและก่อนนอน นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีกากก็ช่วยถูลิ้นได้เช่นกัน เช่น สับปะรด อ้อย เป็นต้น
  4. ฝึกใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) หลังการแปรงฟันให้เป็นนิสัย อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันได้ เมื่อใช้ Dental Floss เสร็จแล้วก็ให้เอาขึ้นมาดม ถ้าดมแล้วยังมีกลิ่นเหม็นก็ให้เปลี่ยนไหมใหม่ หรือจะใช้อันเดิมนำมาล้างน้ำเอาก็ได้ ใช้จนกว่าไหมจะแตก (ถ้าใช้ไหมแบบแผ่นฟิล์มมันจะไม่แยก) ให้ขัดไหมไปทุก ๆ ซี่
  5. บ้วนปากน้ำเปล่า หากไม่สะดวกที่จะแปรงฟัน ก็ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าแทน วิธีนี้ถึงแม้จะไม่ช่วยแก้ปัญหากลิ่นปากได้มากนัก แต่มันก็ช่วยได้บ้าง
  6. เลือกใช้น้ำยาบ้วนปากยามจำเป็น ใช้เสริมการแปรงฟัน หรือใช้ในยามจำเป็นหากคุณไม่สะดวกที่จะแปรงฟัน หรือใช้เป็นครั้งคราวในกรณีที่คุณต้องการความมั่นใจ (ไม่แนะนำให้ใช้เป็นกิจวัตรประจำวัน) เนื่องจากประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากสามารถช่วยลดกลิ่นปากได้ชั่วคราวประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น และไม่ได้ช่วยกำจัดสาเหตุที่แท้จริงออกไป โดยทันตแพทย์จะแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากในกรณี เช่น ผู้ที่สุขภาพช่องปากไม่ดี ปากเป็นแผล เป็นโรคเหงือก มีการผ่าตัดเหงือก หรือผู้ที่มีแนวโน้มฟันผุง่าย เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีสุขภาพช่องปากเป็นปกติดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เชื้อราในช่องปากเพิ่มขึ้นเพราะสมดุลในช่องปากเสียไป
  7. สเปรย์ระงับกลิ่นปาก อีกทางเลือกหนึ่งของความสะดวกสบาย แนะนำให้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น ถ้าเลือกได้ก็แปรงฟันเอาดีกว่าครับ
  8. เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม ถ้าเลือกขจัดกลิ่นปากด้วยการเคี้ยวหมากฝรั่ง ก็ควรเลือกหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล แต่วิธีนี้ก็ช่วยดับกลิ่นปากได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
  9. ยาสีฟันผสมเกลือ ลองใช้ยาสีฟันผสมเกลือดู หรือจะใช้เกลือเพียงอย่างเดียวนำมาแปรงฟันก็ได้ (ถ้าทนไหว) เพราะเกลือจะช่วยระงับกลิ่นปากได้ ถ้าแปรงได้ไม่ลึกก็ให้ใช้น้ำเกลือกลั้วคอแทน
  10. อมน้ำเกลือช่วยได้นะ หลังแปรงฟันเสร็จให้คุณผสมน้ำครึ่งแก้วกับเกลือ (ใช้ประมาณครึ่งช้อนชา เอาให้เค็ม ๆ หน่อย) ใช้บ้วนแทนน้ำ แล้วอมไว้ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นจึงบ้วนด้วยน้ำเปล่าตามอีกครั้ง วิธีนี้คนจัดฟันที่กังวลเรื่องกลิ่นปากก็ใช้ได้นะ ลองทำดูได้เลย
  11. เปลี่ยนแปรงสีฟัน หากแปรงเสียก็เปลี่ยนแปรงซะ เพราะประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของแปรงใหม่ย่อมดีกว่าเก่า และให้เลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มปลายขนแปรงเรียว
  12. เครื่อง Water Flosser (ยี่ห้อ Waterpik) หรือเครื่องทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วยแรงดันน้ำ (เครื่องละประมาณพันกว่าบาทขึ้นไป มีหลายรุ่นและมีหลายฟังก์ชั่นให้เลือก) แต่ถ้างบไม่พอก็ลองใช้ฝักบัวในห้องน้ำดูก็ได้ครับ โดยลองเปิดน้ำให้สุดแล้วเอาฝักบัวมาต่อเข้าที่ปาก เพื่อให้แรงดันน้ำมันฉีดเข้าไปที่ซอกฟันให้ทั่ว จากนั้นก็ให้ถอดหัวฝักบัวออกเหลือแต่สาย แล้วเอานิ้วปิดรูท่อน้ำให้เหลือรูเล็ก ๆ เพื่อให้แรงดันน้ำยิ่งพุ่งแรงขึ้น แล้วเอาแหย่เข้าปากไปฉีดที่ฟันข้างกระพุ้งแก้มโดยรอบประมาณ 1 นาที โดยไม่ต้องบ้วนน้ำยาบ้วนปากอีก (ข้อมูลจาก : pantip.com by สมาชิกหมายเลข 1238832)
  13. หมั่นตรวจสุขภาพฟันและช่องปากกับทันตแพทย์อยู่เสมอ ไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาในปากและฟันแล้วค่อยไปหาหมอ
  14. ขูดหินปูน เป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละครั้ง หินปูนเป็นอีกสาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นปากที่คุณไม่ควรมองข้าม สำหรับใครที่ลองมาหลายวิธีแล้วแต่ลืมไปขูดหินปูนก็รีบไปจัดการด่วนเลยครับ
  15. ยับยั้งฟันผุ โดยการอุดฟันซี่ที่มีการผุ ถ้าผุจนทะลุโพรงประสาทก็ต้องรักษารากฟัน ถ้าผุมากจนไม่สามารถเก็บฟันไว้หรือรักษาให้ดีเหมือนเดิมได้ ก็ต้องถอนออกแล้วใส่ฟันปลอม
  16. รักษาแผลในช่องปาก ในขณะเกิดแผลในช่องปากไม่ควรละเลยการทำความสะอาดช่องปากหลังการรับประทานอาหาร ควรแปรงฟันในทันที โดยใช้แปรงปัดเบา ๆ เพื่อไม่ให้คราบอาหารเกาะฟันนานและแปรงออกได้ง่าย แต่ถ้าแปรงฟันหรืออ้าปากไม่ได้ก็ให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ ทุกครั้งหลังการรับประทาน และใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นพันนิ้วเช็ดฟัน เมื่อแผลหายกลิ่นปากก็จะหายไป
  17. รักษานิ่วในต่อมทอนซิล หากคุณเป็นนิ่วในต่อมทอนซิล ในอดีตหากจะกำจัดปัญหานี้ให้หายขาดก็คงต้องทำการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นมากจึงไม่จำเป็นต้องตัดทิ้งแล้ว วิธีที่ดีและทันสมัยกว่าก็คือ “การรักษาด้วยเลเซอร์” ซึ่งผู้ป่วยไม่ต้องตัดทั้งต่อมทอนซิลทิ้งไป แถมยังเสียเลือดน้อย ฟื้นตัวได้เร็วกว่า นอนค้างที่โรงพยาบาลคืนเดียวก็กลับบ้านได้
  18. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลายได้
  19. อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะจะทำให้ความเข้มข้นของแบคทีเรียในช่องปากมีเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดกลิ่นปากได้
  20. เลิกการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่นอกจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่ทำให้โรคปริทันต์รุนแรงมากขึ้น และกลิ่นของบุหรี่ที่ตกค้างอยู่ในช่องปากเมื่อผสมกับกลิ่นอื่น ๆ ก็สามารถทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะได้
  21. ดื่มน้ำมะนาว เพราะน้ำมะนาวจะช่วยเพิ่มปริมาณของน้ำลายได้
  22. น้ำมันมะพร้าวช่วยได้ เชื่อหรือไม่ว่าน้ำมันมะพร้าวก็ช่วยดับกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ของคุณได้ ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวมาอมไว้ภายในปาก จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วประมาณ 15-20 นาที แล้วบ้วนออก
  23. รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารเยอะๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดกลิ่นปากได้
  24. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
  25. อาหารที่มีน้ำตาลและที่เป็นกรด ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากและฟันผุได้ จึงควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณหรือความถี่ในการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน ไม่รับประทานอาหารหวานเป็นของว่าง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ถ้าจะดื่มก็ให้ดื่มโดยไม่ต้องอม ให้เลือกดื่มน้ำ ชา หรือนม แทนเครื่องดื่มที่เป็นกรด และให้แปรงฟันหลังจากดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรดไม่เกินหนึ่งชั่วโมง
  26. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แม้ว่าคุณกำลังจะลดน้ำหนักหรือความอ้วนอยู่ก็ตาม
  27. ผักผลไม้ดับกลิ่นปาก ผักผลไม้บางชนิดก็ช่วยลดกลิ่นปากได้ เช่น การเคี้ยวใบผักชีฝรั่งหรือใบสะระแหน่หลังการรับประทานอาหาร การรับประทานอโวคาโด (เพราะเนื้ออโวคาโดจะช่วยกำจัดอาหารที่เน่าเสียตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของกลิ่นปาก) รับประทานกล้วย มังคุด ทับทิม บ๊วย หรือแม้แต่วิตามินหรือสารบางชนิดก็ช่วยลดกลิ่นปากได้ เช่น วิตามินบี 3, คลอโรฟิลล์, เบกกิ้งโซดา เป็นต้น
  28. สมุนไพรดับกลิ่นปาก สมุนไพรหลายชนิดสามารถดับกลิ่นปาก เช่น การเคี้ยวหมาก, เคี้ยวรากแมงลักคา, เคี้ยวใบคนทีสอ, เคี้ยวใบฝรั่ง, ใบกะเพรา, ใบพาร์สลีย์, ใช้ใบสดสตรอว์เบอร์รี่นำมาแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืน แล้วนำมาใช้กลั้วคอ, ใช้ใบขลู่สดนำมาตำผสมกับเกลือกิน, ใช้รากหูเสือนำมาแช่กับน้ำแล้วนำมากินและอมบ่อย ๆ, การอมดอกกานพลู, การเคี้ยวเหง้าขมิ้นอ้อย, ว่านชักมดลูก, แก่นตะวัน, ขิง, ข่า, น้ำต้นกล้าข้าวสาลีอ่อน, ชาเขียว เป็นต้น
  29. ดับกลิ่นปากด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยขอแนะนำ 2 สูตรน้ำยาดับกลิ่นปากจากธรรมชาติ โดยสูตรแรกคือ สูตรขิงและมะนาว โดยให้ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, น้ำขิงสด 1 ช้อนชา และน้ำอุ่น 1 แก้ว นำมาผสมให้เข้ากัน ใช้กลั้วปากวันละ 1 ครั้ง หลังการแปรงฟันตอนเช้า และสูตรใบฝรั่ง โดยให้นำใบฝรั่งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำเกลือ 0.9% ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำเก็บมาไว้ใช้บ้วนปาก